บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
รายงานเรื่อง การแปรรูปผลิตภัณฑ์ฟักทองในท้องถิ่น ผู้จัดทำได้มีการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องดังนี้
1.ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับฟักทอง
2.การปลูกฟักทอง
3.พันธ์ของฟักทอง
4.ประโยชน์ของฟักทอง
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับฟักทอง
ฟักทองเป็นไม้เถาเลื้อยไปตามดิน
มีมือสำหรับยึดเกาะ ลำต้นอวบน้ำ ใบเดี่ยวรูปห้าเหลี่ยม มีขนทั้งสองด้าน
ดอกสีเหลืองรูปกระดิ่ง ผลฟักทองมีด้วยกันหลายลักษณะ บางครั้งเป็นผลเกือบกลมก็มี แต่โดยทั่วไปเป็นรูปทรงกลมแป้น
ผิวขรุขระเล็กน้อย เมื่อยังดิบเนื้อค่อนข้างแข็ง
นอกจากเนื้อของผลฟักทองจะใช้เป็นอาหารแล้ว เมล็ดฟักทองก็ใช้เป็นอาหารว่างได้ด้วย
ในประเทศตะวันตก
นิยมนำฟักทองมาเจาะเป็นช่อง มีจมูก ตา แล้วใส่เทียน หรือดวงไฟข้างในเพื่อฉลองในวันฮาโลวีน
เรียกว่า แจคโอแลนเทิน' (Jack-o'-lantern pumpkin)
ฟักทองมีกากใยสูง
อุดมด้วยวิตามินเอและสารต่อต้านการผสมกับออกซิเจนกับเกลือแร่ และมี “กรดโปรไพโอนิค” กรดนี้ทำให้ทำให้เซลล์มะเร็งให้อ่อนแอลงในเนื้อฟักทองมีแคโรทีนและแป้ง
ใช้แต่งสีขนมเช่น ขนมฟักทอง ลูกชุบ โดยนำเนื้อนึ่งสุกมายีกับแป้งหรือถั่วกวน
การปลูกฟักทอง
ฟักทองเป็นผักที่ชอบอากาศร้อน
ถ้าอากาศเย็นอัตราการเจริญเติบโตจะลดลงหรืออาจไม่ได้ผลผลิต
อุณหภูมิทีเหมาะสมกับการเจริญเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ 30องศาเซลเซียส
ในบ้านเราปลูกได้ดีที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์และสามารถปลูกได้ตั้งแต่เดือนสิงหาถึงพฤษภาคม
ฟักทองชอบดินร่วนทราย ชอบอากาศแห้ง
แต่ต้องมีความชื้นในดินพอเพียงและต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดทั้งวัน
พันธุ์ของฟักทอง
มีพันธุ์พื้นเมืองหลายพันธุ์
เรียกตามลักษณะของผล เช่น พันธุ์ข้องปลา จะมีลักษณะของผลคล้ายข้องปลา,
พันธุ์ผลมะพร้าว จะมีลักษณะผลคล้ายมะพร้าว เป็นต้น
พันธุ์ดำ เมื่อแก่เปลือกจะมีสีเขียวเข้มอมดำ เปลือกจะขรุขระเป็นปุ่มปม
คล้ายผิวคางคก (บางทีก็เรียกพันธุ์คางคก) ก้นของผลยุบเข้าไปในผล ทำให้ปอกเปลือกยาก
แต่เป็นพันธุ์หนักผลโต
พันธุ์น้ำตก ผิวจะไม่ค่อยขรุขระนัก ก้นของผลจะนูนออกมา ทำให้ปอกเปลือกง่าย
ผลเล็กกว่าพันธุ์ดำเล็กน้อย
พันธุ์ฟักทองนี้
จะมีชื่อเรียกแต่ละท้องถิ่นไม่เหมือนกัน มีขนาดรูปร่างสีเปลือก ผล
และเนื้อก็แตกต่างกันไป พันธุ์เบาให้ผลเล็ก อายุเก็บเกี่ยว 120-180
วัน โดยทยอยเก็บผลได้เรื่อยๆ
ประโยชน์ของฟักทอง
ฟักทองเป็นผักที่มีประโยชน์มากอีกชนิดหนึ่ง
นอกจากจะใช้เนื้อฟักทองเป็นอาหารแล้ว
ยังสามารถใช้เป็นยาได้ด้วยเมล็ดฟักทองก็นำไปคั่วกินเป็นอาหารว่างได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังสามารถสกัดน้ำมันจากเมล็ดฟักทองใช้เป็นยาได้อีกด้วยฟักทองมีวิตามินอยู่หลายชนิดมีรายงานทางการแพทย์พบว่า
ฟักทองมีฤทธิ์ป้องกัน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต
ทั้งนี้เนื่องจากฟักทองสามารถกระตุ้นการหลั่งของอินซูลินในร่างกาย
นอกจากนี้ฟักทองยังช่วยเสริมสมรรถภาพของตับไต และช่วยเพิ่มการสร้างเซลล์ของตับและไตการใช้ฟักทองทั้งผลใช้เป็นยานั้นเป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว
จนพูดกันว่าฟักทองทั้งผลใช้เป็นยาได้ทั้งหมด เพราะทั้งเนื้อ เมล็ด ราก
และเครือฟักทอง
ฟักทองมีรสหวาน ฤทธิ์อุ่น
มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะอุ่น บำรุงกำลังลดอาการอักเสบ แก้ปวด และที่สำคัญคือมีฤทธิ์ในการขับพยาธิอีกด้วยมีข้อควรระวังอยู่ข้อหนึ่ง
ก็คือ คนที่กระเพาะร้อน ( คือมีอาการกระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือง
ปัสสาวะน้อย ท้องผูก ถ้าร้อนมากขึ้นไปอีกอาจพบแผลใน ช่องปาก ปากเปื่อย
เหงือกบวมแดง ชอบทานน้ำเย็น ) ไม่ควรกินฟักทองให้มาก เพราะฟักทองจัดเป็นยาร้อนแม้คนปรกติเอง
ถ้ากินครั้งเดียงมาก ๆ ก็อาจจะทำให้มี อาการท้องอีด ท้องเฟ้อ
ไม่สบายท้องได้สำหรับเมล็ดฟักทองมีไขมันอยู่จำนวนมาก
สามารถบีบเอาน้ำมันออกมาได้ใช้เป็นน้ำมันพืช นอกจากนี้ยังมีโปรตีน และวิตามิน บี
และ ซี อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น